ศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) เหมาะสำหรับผู้ที่มี ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหน้าในระดับปานกลางถึงรุนแรง ซึ่งมักพบในช่วงอายุ:

อายุ 35–45 ปี (เริ่มต้น)

    - ผิวเริ่มแสดงริ้วรอยเล็ก ๆ หรือความหย่อนคล้อยบริเวณแก้ม กรอบหน้า หางตา
    - บางคนเริ่มทำ Mini Facelift หรือการยกกระชับบางส่วน เช่น ดึงหางตา ดึงกรอบหน้า
    - อาจพิจารณาหัตถการเบา ๆ เช่น Ulthera, Thermage, HIFU ก่อน

อายุ 45–60 ปี (ช่วงที่เหมาะสมที่สุด)

    - เป็นช่วงที่หลายคนเริ่มมีปัญหา “ผิวหน้าหย่อนชัดเจน” เช่น ร่องแก้มลึก, คิ้วตก, คางสองชั้น
    - ศัลยกรรมดึงหน้าแบบเต็มรูปแบบจะให้ผลชัดเจนและยาวนาน
    - มักดึงร่วมกับหางตา / คอ หรือใช้เทคนิค SMAS lift เพื่อให้ผลลัพธ์ธรรมชาติและอยู่ทนนาน


อายุ 60 ปีขึ้นไป (ยังสามารถทำได้)

    - แม้ผิวจะเสื่อมสภาพมากขึ้น แต่หากสุขภาพร่างกายแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัวรุนแรง ก็ยังสามารถทำได้
    - มักทำควบคู่กับการดึงคอ ดึงหน้าผาก และอาจมีการตัดผิวส่วนเกินออกมากขึ้น

ศัลยกรรมดึงหน้าโดย นพ.รัชพล สดาวรรธน์ (Dr. Dominic Sdawat) เป็นการผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิวหน้าและลำคอที่หย่อนคล้อย ด้วยเทคนิคที่เน้นการซ่อนรอยแผลและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ 

การประเมินและวางแผน: แพทย์จะประเมินสภาพผิวและโครงสร้างใบหน้า เพื่อวางแผนการผ่าตัดที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล.

การผ่าตัด: ทำการผ่าตัดโดยเปิดแผลบริเวณที่สามารถซ่อนรอยแผลได้ เช่น บริเวณไรผมหรือหลังใบหู แล้วทำการยกกระชับผิวหนังและกล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อย.

การดูแลหลังผ่าตัด: ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดหลังการผ่าตัด เพื่อให้แผลหายดีและลดอาการบวมช้ำ.

 

เหมาะสำหรับใคร

    - ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยลึก หรือหางตาตก
    - ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน.

ข้อดี

    - แผลเล็กและซ่อนในบริเวณที่มองไม่เห็นง่าย ทำให้รอยแผลเป็นน้อย.
    - ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน.
    - ลดริ้วรอยและยกกระชับผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

ข้อเสีย

    - ต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2-4 สัปดาห์.
    - มีความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น อาการบวม ชา หรือแผลเป็น.
    - ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำหัตถการอื่น ๆ.